วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ว้าว!!! หุ่นยนต์ผู้ช่วย "นักบินอวกาศ"


[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวเทคโนโลยีเช้านี้ วิศวกรจากบริษัทเจนเนอรัลมอเตอร์ (GM) ร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์นาซ่า (NASA) ภายใต้ข้อตกลง Space Act พัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ทั้งในโรงงาน และในอวกาศ...ว้าว!!!
เจ้าหุ่นยนต์ผู้ช่วยนักบินอวกาศตัวนี้มีชื่อว่า Robonaut 2 หรือ R2 โดยทางทีมพัฒนากล่าวว่า มันทำงานได้เร็วกว่า และฉลาดกว่าหุ่นยนต์ผู้ช่วยนักบินอวกาศรุ่นแรก ตลอดจนหุ่นยนต์ฮิวแมนอยด์ตัวอื่นๆ ที่เคยพบเห็นกัน ซึ่งจุดเด่นของ R2 ก็คือ มันได้รับการออกแบบให้สามารถใช้นิ้วทั้งสิบ รวมถึงแขนและมือทั้งสองได้อย่างคล่องแคล่วราวกับมนุษย์ แถมยังมีความแข็งแรงอีกด้วย โดย R2 สามารถใช้มือยกน้ำหนักขนาด 20 ปอนด์ (9 กิโลกรัม) อีกทั้งยังสามารถทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมที่อันตรายมากๆ หรือไม่สะดวกต่อการทำงานโดยมนุษย์
R2 ได้รับการพัฒนาให้เป็นผู้ช่วยมนุษย์ ดังนั้น ระบบการทำงานจะประกอบด้วยเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย อย่างเช่น การตรวจจับศรีษะของมนุษย์ ซึ่งทำให้ Robonaut สามารถเฝ้าดู และติดตามมนุษย์ได้ทุกฝีก้าว แต่ด้วยข้อจำกัดของเทคโนโลยีความฉลาดเทียม (AI: Artificial Intelligent) R2 จึงได้รับการพัฒนาให้ทำงาน โดยมีบางงานที่ยังคงต้องใช้ผู้ควบคุมผ่านเทคโนโลยีจริงเสมือน (Virtual Reality) และจากความคล่องแคล่วในการใช้มือและนิ้ว ทำให้เราสามารถให้ R2 ช่วยติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ได้ ซึ่งเป้าหมายก็คือ หุ่นยนต์ผู้ช่วยเหล่านี้จะสามารถใช้แขนและมือทั้งสองข้างได้เร็วเท่ากับมนุษย์ GM กล่าวว่า การพัฒนาหุ่นยนต์นี้จะนำไปสู่การสร้างรถยนต์ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น และโรงงานที่ปลอดภัยกว่า ในขณะที่ NASA กล่าวว่า เราจะได้ผู้ช่วยมนุษย์ทำงาน และสำรวจอวกาศ

กระจก(ทดลอง)แต่งหน้าระบบดิจิตอล


[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ผ่านเรื่องราวข่าวหนักๆ กันไปแล้ว ตอนนี้มาอ่านข่าวสบายๆ กันบ้างดีกว่า ชิเซโด้ (Shiseido) บริษัทเครื่องสำอางค์เอาใจสาวรุ่นใหม่อยากสวยด้วยกระจกดิจิตอลทีใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ที่เปิดโอกาสให้สาวๆ ได้สวยเสริมเติมแต่งผ่านหน้าจอระบบสัมผัส เพื่อเปรียบเทียบรูปแบบก่อนแต่งหน้าจริง หรือพิมพ์ออกมา เพื่อเอาไปแต่งเองที่บ้านก็ได้

บริการดังกล่าว นอกจากจะรวดเร็วทันใจสาวรุ่นใหม่ใจเกินร้อยแล้ว มันยังไม่เปลืองเครื่องแต่งหน้า (มาสคาร่า บรัชออน ลิปสติก ฯลฯ) ที่ใช้ทดลองอีกด้วย โดยงานนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับเทคโนโลยีสร้างภาพเสมือนบนภาพจริง หรือทีเรียกว่า Augmented Reality ที่ทางเว็บไซต์ arip ได้เคยนำเสนอหลายต่อหลายตัวอย่างผ่านสายตาคุณอ่านกันไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยระบบจะสามารถซ้อนภาพส่วนของการแต่งหน้าขึ้นไปบนใบหน้าจริงๆ ที่ปรากฎบนหน้าจอในลักษณะของการเปรียบเทียบให้เห็นกันจะๆ ก่อน และหลังแต่ง สวยต่างกันกย่างไร? ที่สำคัญเราสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายในพริบตา
สำหรับข้้นตอนการใช้บริการก็แสนจะง่ายดาย เพียงแค่นั่งลงตรงหน้าเครื่อง แล้วให้กล้องสแกนใบหน้า (มีเส้นกริด เพื่อกำหนดตำแหน่งการแต่งใบหน้าส่วนต่างๆ ได้แม่นยำยิ่งขึ้น) จากนันให้ระบบวิเคราะห์สีผิว องค์ประกอบต่างๆ ตลอดจนรูปใบหน้า เพือแนะนำให้คุณทราบก่อนว่า หากจะแต่งหน้าให้เหมาะควรเลือกแต่งแบบไหน ใช้เครื่องสำอางค์อะไรดี เสร็จแล้วกดปุ่มอีกเพียงไม่กี่ครั้ง คุณก็จะเห็นใบหน้าสวยๆ ที่เป็นผลมาจากการแต่งหน้าได้ทันที หากคุณรู้สึกว่า คำแนะนำกับผลลัพธ์การแต่งหน้าที่ได้ยังไม่แหล่มพอ ก็สามารถเติมลบกลบป้ายได้ตามใจนึก หลังจากได้อย่างที่พอใจแล้ว สาวๆ ยังสามารถสั่งพิมพ์ภาพใบหน้าก่อนและหลังแต่ง พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ที่ต้องใช้ให้สวยเช้ง เพื่อเลือกซื้อตามรายการที่ปรากฎได้ทันที...สุโค่ย!!!

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

ฟูจิตสึท้าชนศึกโน้ตบุ๊กตลาดล่าง "เอเซอร์"อัดแคมเปญจุดพลุปีเสือ

ฟูจิตสึท้าชนศึกโน้ตบุ๊กตลาดล่าง "เอเซอร์"อัดแคมเปญจุดพลุปีเสือ
ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเปิดเกมขยายเซ็กเมนต์ใหม่ "เลอโนโว" ดัมพ์โน้ตบุ๊ก "ThinkPad" ลงมาที่ 17,900 บาท เจาะตลาดเอสเอ็มอี ชูสร้างเอ็กซ์คลูซีฟโมเดลกับดิสทริบิว เตอร์เพื่อโฟกัสการทำตลาด ฟาก "ฟูจิตสึ" ประกาศสู้เกมแข่งราคา เล็งกดราคาให้ผู้บริโภคสามารถเอื้อมถึง พร้อมเปิดตัว โน้ตบุ๊กไซซ์เล็ก 5.6 นิ้ว ตั้งเป้าขยับมาร์เก็ตแชร์แตะ 2% ด้าน "เอเซอร์" ประเดิมจัดกิจกรรมพิเศษต้นปี "Acer Day 2010" ลดราคาล้างสต๊อกนายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษัทเลอโนโว ประเทศไทย กล่าวถึงแผนการทำธุรกิจในปี 2553 ว่า จะเน้นการรุกตลาดเอสเอ็มอีมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดหลักที่มีสัดส่วนถึง 30% และเป็นกลุ่มที่เริ่มมองหาโน้ตบุ๊กเพื่อการใช้งานมากขึ้น ทำให้เลอโนโวจำเป็นต้องโฟกัสกลุ่มเอสเอ็มอีเพื่อขยายตลาดใหม่ โดยอาศัยจุดแข็งด้านฟังก์ชั่นและดีไซน์ผสมผสานกับราคาที่เอสเอ็มอีสามารถหาซื้อได้ เนื่องจากแนวโน้มราคาโน้ตบุ๊กในประเทศไทยลดลง ปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7-1.8 หมื่นบาท ทำให้เลอโนโวจำเป็นต้องหาสินค้าเพื่อรองรับความต้องการของตลาดเพื่อที่จะสามารถแข่งขันได้ โดยล่าสุดเปิดตัว ThinkPad X100e ขนาด 11.6 นิ้ว สีขาว ดำ แดง ราคา 17,900 บาท และ ThinkPad Edge ขนาด 13-15 นิ้ว แบตเตอรี่ 8 ช.ม. ราคา 19,900 บาท เจาะกลุ่มเอสเอ็มอี และเข้าประมูลในโปรเจ็กต์ภาครัฐ "ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเลอโนโวที่นำโน้ตบุ๊กตระกูล ThinkPad ราคาต่ำกว่า 2 หมื่นเข้าสู่ตลาด จากปัจจุบันราคา ThinkPad จะสูงกว่า 2 หมื่นกว่าบาท ซึ่งอาจจะแพงสำหรับเอสเอ็มอี ทำให้หันไปเลือกซื้อของคู่แข่ง การมีสินค้าตรงนี้ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ให้กับเลอโนโว"โดยเลอโนโวคาดว่าหลังจากนำสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดจะช่วยสร้างการเติบโต ของตลาดเอสเอ็มอีได้ 50% หรือเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มเอสเอ็มอีจาก 10% เป็น 20% พร้อมกันนี้บริษัทได้ปรับแผนช่องทางจำหน่าย โดยเลอโนโวจะเน้นการทำเอ็กซ์คลูซีฟโมเดลกับดิสทริบิวเตอร์เพื่อให้โฟกัสการทำตลาดมากขึ้น เช่นโน้ตบุ๊ก 2 รุ่นใหม่ที่เปิดตัวบริษัทได้เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะกับแวลูซิสเต็มส์และอินแกรมไมโครเท่านั้น จากเดิมที่ให้ดิสทริบิวเตอร์ทุกรายสามารถทำตลาดได้ทุกโปรดักต์ ทำให้ขายได้ไม่ดีเท่าที่ควรเพราะขาดการโฟกัส รวมถึงมีแผนที่จะเปิด "ธิงค์ คอนเซ็ปต์ สโตร์" เพื่อวางจำหน่ายสินค้าตระกูลธิงค์แพตร่วมกับพาร์ตเนอร์ไตรมาสละ 1 สาขาด้วย จากปลายปี 2552 ที่เริ่มเปิด 1 สาขาที่พันธุ์ทิพย์ พลาซาเป็นแห่งแรก นายจีรวุฒิกล่าวว่า สำหรับตลาดรวมโน้ตบุ๊กปี 2553 มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีทั้งในกลุ่มคอนซูเมอร์และคอร์ปอเรต รวมถึงงบประมาณภาครัฐโดยเฉพาะงบฯไทยเข้มแข็งที่เข้ามา ขณะที่ไอดีซีคาดการณ์ว่าตลาดคอมพิวเตอร์ในอาเซียนน่าจะมีการเติบโตหลัก 2 ดิจิต ทั้งนี้ปี 2552 เลอโนโวมีส่วนแบ่งตลาดกลุ่มคอร์ปอเรตประมาณ 7-8% ตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 14-15% ใกล้ชิดเบอร์ 3 ในตลาดมากขึ้น ด้านนางสาวยูนีส แท็ง ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท ฟูจิตสึ พีซี เอเชีย แปซิฟิค จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์การทำตลาดฟูจิตสึในประเทศไทยปีนี้จะเน้นการพัฒนาสินค้ามายังตลาดคอนซูเมอร์มากขึ้น เช่น การดีไซน์ความหลากหลายของสินค้าและราคา จากเดิมที่ลูกค้าฟูจิตสึส่วนใหญ่จะรู้จักในตลาดคอร์ปอเรตเป็นหลัก ส่งผลให้ปีนี้ ฟูจิตสึจะต้องมีสินค้าที่ถูกลงและแข่งขันได้มากขึ้น "การแข่งขันด้านราคาของตลาดโน้ตบุ๊กยังรุนแรง ทำให้ฟูจิตสึไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันได้ จึงพัฒนาสินค้าให้มีราคาที่ตอบโจทย์คอนซูเมอร์มากขึ้น โดยปัจจุบันโน้ตบุ๊กรุ่นเอ็นทรีราคาต่ำสุดของฟูจิตสึอยู่ที่ 2 หมื่นกว่าบาท เราพยายามที่จะทำราคาสินค้าให้ต่ำกว่า 2 หมื่น ตอนนี้ยังทำไม่ได้แต่กำลังพยายามผลักดัน โดยรุ่นที่ขายดีของฟูจิตสึ คือ รุ่น S Series ที่ราคา 4.9 หมื่นบาท" นางสาวยูนีสกล่าวนอกจากนี้ บริษัทยังเน้นการขยายช่องทางจำหน่ายมากขึ้น จากปัจจุบันมีจำนวน 60-70 ร้านทั่วประเทศ เพราะหลังจากวิกฤตผ่านพ้นไป ทำให้ตลาดกลับมาเติบโตอีกครั้ง ล่าสุดฟูจิตสึเปิดตัวโน้ตบุ๊ก LifeBook UH900 อินเทล ATOM Z530 หน้าจอ ขนาด 5.6 นิ้ว แรม SSD 62 GB รองรับระบบมัลติทัช มีสีดำ แดง และทอง ราคา 49,900 บาท (ไม่รวมภาษี) เจาะกลุ่มนัก เดินทางและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ 200 เครื่อง โดยปี 2552 ฟูจิตสึมียอดขายประมาณ 1 หมื่นเครื่อง ส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1% โดยยอดขายเริ่มกลับมาในช่วงครึ่งปีหลัง และปี 2553 ตั้งเป้าขยายส่วนแบ่งการตลาดเป็น 2% ขณะที่ "เอเซอร์" ประเดิมจัด Acer Day 2010 ระหว่าง 28-31 มกราคม 2553 ที่ ไอทีมอลล์ ฟอร์จูน โดยยกขบวนสินค้ามาลดกระหน่ำ ตั้งแต่โปรโมชั่น Warehouse Sale ลดราคาสูงสุด 80 เปอร์เซ็นต์ และสินค้าใหม่ทั้งโน้ตบุ๊ก พีซี จอแอลซีดี และโปรเจ็กเตอร์ ลดกระหน่ำถึง 50 เปอร์เซ็นต์ พร้อมร่วมสนุกในการซื้อสินค้าเอเซอร์ในราคาเพียง 3 บาท นอกจากนี้ผู้เข้าชม งานสามารถร่วมสนุกโดยส่งภาพถ่ายคู่กับผลิตภัณฑ์ของเอเซอร์ภายในงาน แล้ว อัพโหลดขึ้น Acer Facebook หรือ Twitter ลุ้นรับโน้ตบุ๊กฟรี 3 รางวัล อาทิ เน็ตบุ๊ก รุ่น Aspire one 532h หน้าจอ 10.1 นิ้ว Intel Atom N450, RAM 1 GB, HDD 250 GB ราคา 9,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) รับฟรี ประกันภัยโน้ตบุ๊กอุบัติเหตุและโจรกรรม 1 ปีเต็ม โน้ตบุ๊ก แอสไปร์ ไทม์ไลน์ รุ่น Aspire 4810T-732G32Mn/C005 มาพร้อมซีพียูประหยัดพลังงาน IntelCore2 Duo Processor SU7300, RAM 2GB, HDD 320GB และหน้าจอ HD LED 14 นิ้ว ราคาเพียง 23,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ฟรีประกันภัย โน้ตบุ๊กอุบัติเหตุและโจรกรรม 1 ปีเต็ม พร้อมผ่อน 0% นาน 12 เดือน

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

ความรู้สึกที่ได้รับจากใช้ห้องนวัตกรรม

ทำให้เกิดการเรียนรู้ระบบการใช้งานแบบที่ต้องใช้เทคโลยีใหม่ๆซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
ซึ่งการใช้ห้องที่มีการใช้สื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยนี้เหมือนเป็นการจำลองการเรียนการสอนภายในห้องจริงๆสามารถสัมผัสได้จากบรรยากาศในการเรียนการสอนซึ่งผู้รายงานนั้นต้องไปพูรายงานหน้าชั้นเรียนซึ่งเป็นการจำลองบรรยากาศในการที่เราต้องสอนนักเรียน ซึ่งเพื่อนๆของเราที่นั่งฟังอยู่นั้นก็เหมือนเป็นนักเรียนที่เรากำลังสอนอยู่โดยมีอาจารณ์เป็นผู้ควบคุมดูแลในการใช้ห้องเรียนที่ทันสมัย
การรายงานของเพื่อนนั้นยังขาดการคล่องตัวในการรายงานในห้องนี้เนื่องจากเราไม่ได้ใช้ห้องเรียนที่มาใช้สอนเป็นประจำเราจึงต้องฝึกการใช้ห้องเรียนนี้ให้คล่องไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ใดๆก็ตามต้องฝึกให้สามารถใช้งานให้ได้ทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

ทีโอทีเล็งทุ่ม2พันล้านเพิ่มเครือข่าย3จี


ทีโอที เล็งขออนุมัติบอร์ดทุ่มงบอีก 2 พันล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพโครงข่าย "ทีโอที 3 จี" ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หวังชิงโอกาสสร้างฐานลูกค้า
นายวรุธ สุวกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ทีโอที กล่าวว่า ทีโอที เตรียมจัดสรรงบประมาณกว่า 2 พันล้านบาท เพื่อลงทุนสถานีฐานรองรับการให้บริการมือถือระบบ 3 จี ในชื่อ "ทีโอที 3 จี" ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพิ่มเติม ทั้งในและนอกอาคาร เพื่อให้สัญญาณครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งคาดว่าหากได้รับการอนุมัติในต้นเดือน ม.ค.นี้ จะใช้เวลาติดตั้งระบบโครงข่ายเสร็จตามแผนงานใน 3 เดือน
ขณะที่ความคืบหน้าการให้บริการ 3 จี ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการกว่า 1 หมื่นเลขหมาย หลังการเปิดตัวให้บริการราว 1 เดือน คาดว่าภายในไตรมาสแรกปีนี้ น่าจะมีลูกค้าถึง 5 แสนเลขหมาย ซึ่งทีโอทีจะเร่งเข้าไปปรับปรุงคุณภาพสัญญาณในบริเวณอาคาร เพื่อให้บริการได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าน่าจะเป็นตัวผลักดันให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารทีโอที เตรียมเสนอแผนการลงทุนติดตั้งโครงข่าย 3 จีเพิ่มให้คณะกรรมการ (บอร์ด) ในส่วนเพิ่มสถานีฐานให้บริการ 3 จีที่พัทยา อีกจำนวน 2 ไซต์ เพื่อติดตั้งได้ภายใต้ไตรมาสแรกนี้ ส่วนงบประมาณเป็นงบขององค์กรเองที่เตรียมไว้ในแผนการขยายโครงข่ายกรุงเทพฯ และปริมณฑลเดิมอยู่แล้ว คาดว่าใช้งบไม่เกิน 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติแผนงานการติดตั้ง 3 จี ทั่วประเทศแล้ว ทีโอที จะเร่งดำเนินการติดตั้งสถานีฐานเพื่อให้บริการ 3 จี ในเมืองท่องเที่ยวอย่าง ภูเก็ต ขอนแก่น เชียงใหม่ หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี และนครราชสีมา ต่อไป ซึ่งประชาชนในพื้นที่จังหวัดใหญ่ๆ และจังหวัดท่องเที่ยวมีลูกค้าที่ต้องการใช้งานประเภทสื่อสารข้อมูล (ดาต้า) สูง
ด้านนายวิเชียร นาคสีนวล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที กล่าวว่า ขณะนี้ บมจ. สามารถ-ไอโมบาย จำกัด ได้ยื่นขอเลขหมายเพิ่มอีกจำนวน 5 หมื่นเลขหมาย หลังจากที่ผ่านมา ทีโอทีได้อนุมัติไปแล้วจำนวน 2 หมื่นเลขหมาย อย่างไรก็ตาม ทีโอทีก็มีความพร้อมหากเอกชนที่เช่าใช้โครงข่ายแบบเอ็มวีเอ็นโอ (ขายส่งบริการ) จะเข้ามายื่นขอเลขหมายเพิ่มเติม ส่วนเอ็มวีเอ็นโอรายอื่นๆ ได้แจ้งว่าพร้อมทำตลาดกลางเดือน ม.ค.นี้
แหล่งข่าว จาก บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย กล่าวว่า สามารถฯ ให้บริการเกือบครบ 1 เดือนหลังจากทีโอที 3 จี เปิดตัวสู่ตลาดมีกระแสตอบรับจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี ทั้งกลุ่มนักธุรกิจ นักศึกษา และผู้สนใจ แม้ว่าช่วงเปิดตัว 1-2 สัปดาห์แรก จะ "อืด" ไปบ้าง เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายไม่มั่นใจเรื่องพื้นที่มีสัญญาณใช้งานจะครอบคลุมมากเพียงใด
"ปัจจุบันยอด 2 หมื่นซิมแรกหมดจากสต็อกแล้ว ส่วนการเปิดเลขหมายใช้งานจริงยังเหลือเล็กน้อย จึงได้ทำเรื่องขอเลขหมายเพิ่มจากทีโอที ไป 5 หมื่นเลขหมายดังกล่าว โดยตั้งเป้าจัดจำหน่ายได้หมดภายใน 6 เดือนเป็นอย่างช้า โดยกลางเดือน ม.ค.นี้ บริษัทเตรียมออกแพ็คเกจโปรโมชั่นใหม่ เพื่อดึงลูกค้าเข้าสู่ระบบให้เร็ว และมากขึ้น" แหล่งข่าวกล่าว

ไมโครซอฟท์ เผยราคา 'Office 2010'

ไมโครซอฟท์ เปิดเผยราคา โปรแกรม 'Office 2010' มีทางเลือกให้ผู้ซื้อ อยากจ่ายถูกหรือแพง หากจ่ายแพง ได้ซีดีพร้อมคีย์ แต่ถ้าประหยัดซื้อเพียงคีย์ส่วนโปรแกรมดาวน์โหลดเอาเอง...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ว่า 'ไมโครซอฟท์' บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก เผยราคาโปรแกรม 'Office 2010' ซึ่งนับเป็นการปฏิรูปด้านค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่สำหรับลูกค้า ที่สามารถเลือกกำหนดราคาได้เอง ว่าพอใจควักกระเป๋าราคาไหนโดยโปรแกรม 'Office 2010' วางจำหน่ายทั้งรูปแบบ CD+Key Code แต่ราคาค่อนข้างสูง สำหรับลูกค้าที่ต้องการประหยัดงบประมาณสามารถซื้อเพียง Key Code อย่างเดียว ส่วนตัวโปรแกรม สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์หลักของไมโครซอฟท์ราคาที่เปิดเผยนั้น 'Office 2010' รุ่น Professional สนนราคาอยู่ที่ 499 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,500 บาท) สำหรับแพคเกจ CD+Key Code ส่วน Key Code เพียงอย่างเดียวราคาอยู่ที่ 349 ดอลลาร์สหรัฐฯ ( 11,500 บาท) รุ่น Home and Business ราคารวม CD+Key Code อยู่ที่ 279 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9,240 บาท) แต่หากซื้อเพียง Key Code จะลดลงเหลือ 199 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,590 บาท)รุ่น Home and Student ราคารวม CD+Key Code อยู่ที่ 149 ดอลลาร์สหรัฐฯ (4,930 บาท) ส่วน Key Code เพียงอย่างเดียวราคาอยู่ที่ 119 ดอลลาร์สหรัฐฯ ( 3,900 บาท) นอกจากนี้ยังมีรุ่น Academic สำหรับการศึกษาเท่านั้น สนนราคาสุดประหยัดที่ 99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (3,200 บาท) ซึ่งรุ่นนี้ขายแต่ Key Code เพียงอย่างเดียว

ข่าวจาก : ไทยรัฐวันที่ : 7 มกราคม 2553